เอ๊ะ!!!…ทำไมหวานจัง?
เวลาเหนื่อย ๆ ได้น้ำอัดลมสักกระป๋องเย็น ๆ ก็ช่วยให้เราสดชื่นได้ไม่น้อย
เห็นเราเป็นคนระมัดระวังเรื่องการกิน แต่เราก็ดื่มน้ำอัดลมนะ แต่ไม่ได้ดื่มกลุ่มน้ำดำ เพราะมีคาเฟอีน แค่แก้วเดียวเล่นนอนไม่หลับไปทั้งคืน เลยเข็ดขยาด
เราจึงเลือกดื่มสไปรท์หรือชเวปส์ แต่ตอนดื่มจะเรื่องมากสักหน่อย ต้องหามะนาวมาบีบเพิ่มเพราะมันหวานไปสำหรับเรา
ทีนี้เราก็สังเกตได้ว่าสไปรท์นั้นหวานมาก เวลาบีบมะนาวเพิ่มต้องใช้ประมาณ 1 ลูกกว่า ๆ แต่ชเวปส์บีบแค่ครึ่งลูกก็เปรี้ยวพอ
ต่อมเอ๊ะทำงาน ^ ^
ตามประสาคนชอบอ่าน ก็เลยอ่านฉลากจึงเจอบางอย่างที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเราต่อจากนี้ทันที
แต่พฤติกรรมอะไรนั้น เดากันไปก่อนนะ
เราขอเอาฉลากของสองเครื่องดื่มนี้มาเทียบให้ดูก่อน
ดูเหมือนของชเวปส์จะหวานกว่าใช่มั้ย แต่…เปล่า สไปรท์หวานกว่า เพราะอะไรกันนะ?
ไปอ่านฉลากต่อ ก็พบว่า สไปรท์ใส่สารทดแทนความหวานแทนน้ำตาลจร้าาาา
ใช้ 2 ตัวคือ อะซีซัลเฟม เค และซูคราโลส แต่งกลิ่นธรรมชาติเพิ่ม
ถึงบางอ้อสิจ๊ะ ก็ว่าอยู่…ทำไมเวลาดื่มสไปรท์ถึงใช้มะนาวเยอะกว่าดื่มชเวปส์
ยิ่วตอนนี้มะนาวยิ่งแพงราวลูกละ 5 บาทเป็นอย่างน้อยบางร้านขายลูกละ 10 บาทสำหรับหน้าร้อนนี้ เวลาไปร้านอาหารแล้วขอมะนาวที แม่ครัวคงบ่น…อุปส์ จะให้มะนาวน้ำแบบขวดก็ไม่ได้ 555
คุ้มเลยละทีนี้ เพราะร้านไม่คิดค่ามะนาวเพิ่ม และคงไม่ค่อยมีใครเรื่องมากแบบเรา ทำให้ประทับใจจุดนี้ แต่ก็ไม่แน่นะ อนาคตเค้าอาจจะคิดค่ามะนาวเพิ่มก็ได้
ยัง ยังไม่หมด 😏
ใต้ฉลาก GDA
สไปรท์บอกพลังงานที่ได้ 130 kcl ต่อกระป๋อง (325 ml)
ชเวปส์บอกพลังงานที่ได้ 170 kcl ต่อกระป๋อง (330 ml) ซึ่งแน่นอน เพราะชเวปส์ใส่น้ำตาล จึงให้พลังงานมากกว่า
แต่ที่สำคัญใต้ฉลาก GDA ของเจ้านี้ นี้มีคำว่า “ไม่ใช่อาหารพลังงานต่ำ” ป้าดดดด เจ้ชอบมากกกก
บอกแบบใจๆ บอกกันตรง ๆ ไปเลยว่า ไม่ใช่อาหารพลังงานต่ำ ถ้ากลัวน้ำตาลหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงาน กระป๋องนี้ไม่ใช่ทางเลือกของคุณละ
จุดนี้ขอชื่นชมทีมชเวปส์ค่ะ 👏👏👏
ใครอยากอ่านฉลากอย่างละเอียด เข้าไปที่เว็บของท็อปส์ได้ตามลิ้งนี้ https://www.tops.co.th/en/schweppes-lime-soda-330ml-pack-6-8851959632673
ขยายฉลากชัดเจนแจ่มแจ้ง แบบว่า…ง่ายกว่านั่งเพ่งเองเยอะ แต่เสียดายที่สไปรท์นั้นไม่มีซูมแบบนี้
แต่ก็นะ ทั้งสองกระป๋องนี้ก็ผลิตมาจากเจ้าเดียวกันคือ ไทยน้ำทิพย์ เรียกได้ว่า ออกผลิตภัณฑ์มาจับลูกค้าทุกกลุ่ม
และตอนนี้สไปรท์เปิดตัวสูตรไม่มีน้ำตาลรัว ๆ อาศัยโอกาสกระแสคนแบนน้ำตาลแต่ยังอยากกินหวาน และภาษีน้ำหวานที่กำลังจะเพิ่มอัตราการเก็บ คิดไปก็เศร้าใจ เห้อ😔😔😔
เป็นผู้บริโภคต้องดูแลตัวเองนะจ๊ะ
ย้อนกลับมาที่ทิ้งไว้ข้างต้นว่าเราจะเปลี่ยนพฤติกรรมอะไร
ถึงตอนนี้คงเดากันไม่อยากแล้วใช่ป่ะ
- เราคงเปลี่ยนมาดื่มชเวปส์แทนสไปรท์ เพราะใช้มะนาวน้อยกว่า ประหยัด 555
- คงอ่านฉลากให้ละเอียดมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และ
- ถ้าเลือกได้ คงสั่งน้ำมะนาวโซดามาแทน หากทางร้านมีและใช้น้ำมะมาวสดมาทำ
อ้อ ๆ ๆ … มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งสำหรับเรื่องรสหวาน ซึ่งเราว่าหวานเกินไป
เราเคยเจอบางคนแก้ปัญหานี้ด้วยการเลือกเติมเกลือเพิ่มเล็กน้อย เพื่อตัดหวาน หรืออาจจะเป็นเพราะบางคนติดเค็ม จึงเติมเกลือเพิ่ม ลด ๆ หน่อยก็ดีนะจ๊ะ เพราะได้ทั้งหวานและทั้งเค็มในคราวเดียว สงสารไตและโรงพยาบาลในอนาคต
ยิ่งช่วงนี้เป็นหน้าร้อน น้ำอัดลมเย็นๆ ดับกระหายได้ดีนัก ช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้ดี แต่ก็ต้องระวังกันหน่อย ดื่มแต่พองาม ทานแต่พอดี เพราะมีผลไม้หวานฉ่ำ ทั้ง มะม่วง มังคุด ทุเรียน มาเป็นตัวเสริมทัพน้ำตาลในร่างกาย
ช่วงหน้าร้อนนี้คุณหมอแผนกอายุกรรมคงเหนื่อยมากหน่อย เพราะผู้ป่วยเบาหวานจะแน่นเป็นพิเศษ เราอย่าไปเพิ่มภาระให้คุณหมอเลยเนอะ
#ด้วยรักและห่วงใยจากทีมEatEcon
#เรื่องดีดีมีให้อ่านทุกวัน
หากเพื่อนสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับการกินในมุมมองเศรษฐศาสตร์ สามารถอ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ www.eatecon.com
#eatecon
Photo by Tirza van Dijk on Unsplash